อศิ เชิดวิวัฒนสินธ์

WEEK 6 : 5-11 ก.พ.
52 Weeks of Design

ABOUT HIM

“ในยุคที่โซเซียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และแอพพลิเคชั่นดังอย่างอินสตาแกรมก็มีคนใช้ทะลุไปถึงหลักพันล้านบัญชีทั่วโลก ทำให้ Instagrammable กลายเป็นคำศัพท์ใหม่ที่เข้ามามีบทบาททางธุรกิจของผู้ประกอบการและเหล่าคนที่ทำงานอยู่ในแวดวงดีไซน์” ไปพูดคุยต่อกับ คุณแมค – อศิ เชิควิวัฒนสินธ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Studio Freehand สตูดิโอออกแบบเจ้าของผลงาน Baby Bar Bangkok คาเฟ่น้องใหม่สุดชิคย่านอารีย์  ในโรงแรม Craftsman Bangkok (ซึ่งออฟฟิศของสตูดิโอฟรีแฮนด์ก็อยู่ที่โรงแรมนี้เช่นกัน)

ส่วนตัวผมมีประสบการด้านออกแบบโรงแรมมา 10 กว่าปีครับ และพาร์เนอร์อีกท่านคือ คุณแซม – วิทิต ลิมปพัฒนวณิชย์ ก็มีประสบการณ์ด้าน F&B พอมารวมตัวกันเลยเราโฟกัสเรื่องไลฟ์สไตล์โฮเทลและร้านอาหารเป็นหลักครับ “เดี๋ยวนี้เวลาจะดึงคนมา โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เรื่อง IG spot มันเป็น A Must ครับ ทั้งนี้ก็ขึ้นกับลักษณะร้านอาหารและกลุ่มลูกค้าด้วย คือถ้าเป็นร้านอาหารแพงๆ ลูกค้าผู้ใหญ่ เขาอาจอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าอยากอวดรูป แต่ถ้าทำร้านอาหารที่เป็นไลฟ์สไตล์นิดนึง ก็ต้องมีอะไรดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่เด็กลงมาอีกหน่อย เช่น อาจออกแบบร้านอาหารให้ดูเป็นกันเอง ไม่ต้องทางการมาก การทำเพื่อรองรับคนเจเนอเรชั่นนี้ ร้านอาหารก็ไม่ใช่เพื่อให้มาทานอาหารกันอย่างเดียว ต้องมานั่งเล่น นั่งคุย ถ่ายรูป เล่นอินเตอร์เน็ต ทำงานอะไรทำนองนั้นคือ มันจะไม่ใช่เป็นฟังก์ชั่นเดียว ตัวอย่าง เบบี้บาร์ ที่ Craftsman Bangkok ซึ่งเป็นบูทีคโฮเทลที่เราออกแบบทั้งในส่วนโรงแรมและร้านอาหาร โดยภาพรวมของโรงแรมจะดู Masculine มากๆ ส่วนร้าน Baby Bar เป็นบาร์สีนู้ดให้เกิดความ Contrast ทำให้เวลาเห็นแล้วจะรู้สึกว่าโรงแรมนี้มันต้องมีอะไร! มันสร้างความดึงดูด คนก็ชอบมาถ่ายรูปกันเยอะครับ โดยเฉพาะผู้หญิง อันนี้เป็นความท้าทายนิดนึง เพราะว่าโดยสถานที่ตั้งของโรงแรมนี้อยู่ระหว่างรถไฟฟ้าสถานีอารีย์และสะพานควาย มันจะค่อนข้างมาถึงลำบาก เราก็ต้องดีไซน์อะไรที่มันดูเป็น Destination ชวนให้คนมาถ่ายรูป มาทานอาหาร มานั่งเล่น

จริงๆ ผมว่าก็ไม่กฏเกณฑ์ตายตัวอะไรในการที่จะทำให้งานดีไซน์ของเราเป็น Instagrammable แต่หลักๆ สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ Concept ภาพรวมและแนวคิดของงาน Content หรือเรื่องราวที่ต้องสอดคล้องกับแนวคิดในการออกแบบ คือการจะทำให้ดีไซน์สวย ผมว่าใครๆ ก็ทำได้...แต่ “สวยแล้วต้องมีเหตุผลด้วย” ว่ามาได้ยัง มันก็จะตัวช่วยสนับสนุนให้งานดีไซน์ของเราแข็งแรงมากขึ้น Context ถ้าการออกแบบสามารถส่งเสริมบริบทรอบๆ ได้โดยที่ต้องไม่ไปสร้างอะไรใหม่เยอะ นั่งจะยิ่งช่วยให้น่าดึงดูดใจยิ่งขึ้น เช่น การออกแบบรีสอร์ท เราอาจออกแบบประสบการ์ให้แขกเดินเข้าจากจุดที่มองไม่เห็นอะไรแล้วค่อยมาเจอ Climax เช่น วิวภูเขาหรือทะเล เมื่อเดินมาถึงอีกจุดหนึ่ง เป็นต้น สุดท้ายคือ Space ส่วนที่จะให้เป็น IG Spot จะเหมาะกับ Public Space มากกว่า และไม่ควรที่จะอยู่ใกล้กับ Privacy Space แต่บางกรณีก็มีข้อยกเว้น เช่น พื้นที่ส่วนตัวที่ดูหรูหรา น้อยคนที่จะได้สัมผัส ก็ถือเป็น Instragrammable ของคนอีกกลุ่มได้)

ส่วนการออกแบบโรงแรม สิ่งสำคัญที่สุดคือ การสร้างประสบการณ์ หรือการ Create A Journey ทั้งเรื่องบริการและงานดีไซน์ ให้เขาได้สัมผัสอะไรที่มันแตกต่างออกไปจากการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งจริงๆ มันเริ่มตั้งแต่ ลูกค้ามาถึงสนามบินเลยนะครับ  สมมุติโรงแรมคุณอยู่กลางป่าในแอฟริกา แทนที่จะใช้รถหรูๆ ไปรับก็ควรต้องเป็นรถจีฟไหมให้ลุคมันดูลุยๆ พอมาถึงโรงแรมก็ต้องมี Sense of Arrival อะไรคือสิ่งที่คุณอยากให้เขาเห็นเป็นจุดแรก จะสร้างเส้นทางในการเดินมาถึงล็อบบี้ได้อย่างไร ไปจนถึงดีไซน์และรูปแบบการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในส่วนต่างๆ ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้มัน คือสิ่งที่จะช่วยกันสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ

แต่ท้ายที่สุด จะโรงแรมหรือร้านอาหาร ผมว่าสิ่งที่อินทีเรียร์ทำให้คุณได้ คือ “การดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาในครั้งแรก” โดยใช้ดีไซน์เป็นตัวเชื้อเชิญ เพราะสถานที่ที่เปิดใหม่ ไม่มีใครรู้หรอกว่าบริการคุณเป็นยังไง? อาหารคุณอร่อยไหม? แต่ “สิ่งที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาอีก” คือเนื้อแท้ของสินค้า หมายถึงรสชาติ หรือคุณภาพการบริการของคุณด้วย ดังนั้นเจ้าของธุรกิจควรต้องให้ความสำคัญมากๆ กับ “สินค้าของคุณ” ไม่ใช่แค่เรื่องร้านสวยครับ

ASI

  • การออกแบบตกแต่งโรงแรม Lighting Designer เป็นสิ่งที่คุณต้องมี! เพราะแสงเป็นเรื่องสำคัญมากแม้งานจะไม่สวยแต่ถ้าแสงดีก็ช่วยทำให้ดูสวยขึ้นได้ หรือแม้กระทั่งห้องที่ไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์และส่วนตกแต่งอะไรมากมายถ้าแสงดูดีก็ทำให้ห้องดูดีไปด้วย แสงในโรงแรมจะเปิดไม่เท่ากันตลอด 24 ชม. มันจะมี Night Scene, Save Scene โดยแต่ละ Scene จะมีAmbience ที่แตกตางกัน เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานและยังเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานอีกด้วย

  • เพิ่มมูลค่าให้ล็อบบี้โรงแรม  เมื่อก่อนล็อบบี้โรงแรมอาจมีขนาดใหญ่ มีไว้เช็คอินและให้แขกนั่งคอย แต่จริงๆ แล้วเราสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ตรงนี้ให้เป็นได้มากกว่า Waiting Area โดยเราอาจลดขนาดของล็อบบี้ให้เล็กลง แล้วออกแบบให้พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็น Co-working space ให้บุคคลภายนอกมาเช่าใช้บริการ หรือมาเช่าพื้นที่ออกงาน เพื่อทำให้พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นอีกแหล่งสร้างรายได้หนึ่งของโรงแรม

  • การแต่งคอนโดหรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด เราควรเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่มัลติฟังก์ชั่น เช่น โต๊ะอาหาร ก็เลือกแบบใหญ่ขึ้นนิดนึงก็ได้ จะได้เอาไว้ใช้นั่งทำงานและเป็นโต๊ะทานข้าวไปด้วย หรืออย่างโต๊ะข้าง ก็ไม่จำเป็นต้องสูง 45 ซม. เพราะมันเตี้ยมาก นั่งทำงานไม่ได้ อาจเลือกที่ความสูง 65 ซม. ก็ได้ จะได้ใช้นั่งทานข้าวได้ และนั่งทำงานได้  คือเราต้องใช้เฟอร์นิเจอร์ให้คุ้มค่า

Favorite items

SB Design Furniture

Living Inspiration @ SB Design Square

ตรงนี้ดูเป็นมุมโต๊ะทานข้าวที่เราสามารถนั่งทำงานได้ด้วย หรือจะใช้นั่งอ่านหนังสือก็ได้ ตู้ข้างหลังก็มัลติฟังก์ชั่น คือจะเอาไว้เก็บหนังสือก็ได้หรือจะเก็บจานชามช้อนก็ได้ และสำหรับใครที่มี “พื้นที่ห้องไม่ใหญ่มาก” ผมว่าการใช้ไม้โทนสีอ่อนแบบนี้ช่วยได้ ทำให้ห้องดูผ่อนคลายและไม่ทึบตัน และให้ความรู้สึกที่เชื่อมต่อกับธรรมชาติ

มุม Display ตรงนี้มีโครงสร้างที่สวยดีครับ ทำให้มองเห็นเฟอร์นิเจอร์ได้จากหลายมุมมอง และลักษณะการจัดวางแบบนี้ นอกจากจะเอาไว้โชว์ของแล้ว มันยังเป็นการ “แบ่งโซน” ของพื้นที่ด้วย เราสามารถนำไปปรับใช้กับการตกแต่งโรงแรมได้ เช่น แทนที่จะทำชั้นหนังสือธรรมดาเฉย เราก็ใช้มันเป็นฟังก์ชั่นกั้นห้องไปด้วย อาจเป็นห้องที่ถูกล้อมรอบด้วยชั้นหนังสือ แล้วมีโต๊ะทำงานอยู่ตรงกลาง มันก็ดูเท่ดี

พบกับ Designer ทั้งหมด